นับว่าเป็นโชคร้ายของบริษัท หัวเหว่ย ก็ว่าได้ หลังจากที่พวกเขาต้องประสบปัญหายอดขายตกลงไปอย่างมากมาย เนื่องจากการสงครามประสาทระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศจีนจนทำให้ทางฝ่ายแรกไม่ยอมให้มีการค้าต่างๆ กับบริษัทดังนี้อีกต่อไป โดยทางผู้ก่อตั้งอย่างเริน เจิงเฟยก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่า มันเกิดจากนักการเมืองสหรัฐบางกลุ่มที่ต้องการให้พวกเขาเสียหายจนปิดตัวไปเลยนั่นเอง

สงครามประสาทระหว่างสหรัฐกับจีนส่งผลให้ยอดขายของ หัวเหว่ย ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
คำพูดของเริน เจิงเฟยที่ได้ออกมากล่าวกับลูกน้องในอดีตบริษัทลูกของหัวเหว่ยอย่างออร์เนอร์ก็คือ เขาต้องการให้พนักงานในบริษัททำงานกันอย่างหนัก เพื่อจะสร้างยอดขายที่เกินจากบริษัทเก่าให้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากเนื่องจากค่ายมือถือรุ่นพี่เก่าเคยมียอดขายมากึงอันดับสองของโลกมาแล้ว รวมถึงเป็นบริษัทที่มีกำลังผลิตสูงเป็นอันดับสองของโลกอีกด้วย แต่ทว่าพวกเขากลับได้รับผลกระทบที่คาดไม่ถึงเช่นกัน

โชคยังดีที่ทางหัวเหว่ยยังได้จัดการขายบริษัทออร์เนอร์ออกไปให้กับคนอื่น ก่อนที่บริษัทจำเป็นต้องปิดตัวลงและอาจทำให้คนนับหมื่นต้องตกงานในช่วงที่เศรษฐกิจยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งทางเริน เจิงเฟยก็ออกมาชี้ว่าเป็นเพราะการแทรกแซงของรัฐบาล รวมถึงนักการเมืองสหรัฐนั่นเองที่ต้องการจะปิดตัวพวกเขา ไม่ใช่เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยซ้ำ โดยการมาของโจ ไบเดนน่าจะช่วยคลายสถานการณ์ที่พวกเขาเจอไปไม่น้อยเลยทีเดียว
คำพูดของเริน เจิงเฟยอาจพอเข้าใจได้ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเหว่ย แต่ทว่าจากข่าวที่มีข้อมูลผู้ใช้จากประเทศสหรัฐอเมริกาตกไปยังที่อื่นๆ จากโทรศัพท์ของพวกเขาก็เป็นเหตุให้เหล่านักการเมืองสหรัฐเลือกที่จะลงมือสั่งห้ามทำธุรกิจเพื่อปกป้องคนใประเทศนั่นเอง
หากคุณไม่อยากพลาดข่าวคอมพิวเตอร์ และเร็วแรงสนองได้ทุกมิติของการเล่นเกมไปกับสมาร์ทโฟนจากทาง OPPO รุ่น “Ace 2” อย่าลืมติดตามกันได้ที่ mambodocman.com