ระบบงานทางด้าน สาธารณสุข อาจจะเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์

จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2020 อาจจะส่งผลให้ระบบงานทางด้าน สาธารณสุข อาจจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากอาจจะเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2021 ได้ ซึ่งจะมีการพัฒนาวิธีการโจรกรรมให้มีความซับซ้อนและสร้างอันตรายให้กับระบบงานทางด้านสาธารณสุขได้เพิ่มมากขึ้น

โดยจะเห็นได้จากระบบการขนส่งวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมานั้น มีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ได้มากขึ้น เพราะหลายๆ ประเทศมีความต้องการวัคซีนดังกล่าว อีกทั้งวัคซีนบางตัวต้องการการขนส่งที่พิเศษมากกว่าการขนส่งวัคซีนแบบปกติโดยทั่วไป ดังนั้นการป้องกันระบบการขนส่งวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จึงต้องปลอดภัยสูงสุดมากกว่าทุกครั้งที่เคยมีมา เช่น การสร้างตู้คอนเทนเนอร์ขนาดลบ 70 องศาที่จะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและติดตามได้ตลอดเส้นทาง

ระบบงานทางด้าน สาธารณสุข

การโจมตีทางไซเบอร์เล็งที่จะโจมตีระบบงานทางด้าน สาธารณสุข

ทั้งนี้บริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ๆ ของโลกนั้นให้ความเห็นการโจรกรรมทางไซเบอร์นั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับบริษัทอยู่แล้ว เนื่องจากสูตรการผลิตยาประเภทต่างๆ นั้น ถือเป็นความลับขั้นสูงสุดที่บรรดาแฮกเกอร์ทั้งหลายมีความต้องการมาเป็นเวลานานอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ผลิตยาทั้งหลายจึงได้สร้างระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดให้กับระบบที่ใช้ในการผลิตและเก็บรักษาข้อมูลต่างๆ

ซึ่งปัจจุบันนี้การโจรกรรทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นจะเป็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการเรียกร้องทางการเงินที่มีมูลค่าสูงมากนั่นเอง และนอกจากการต้องการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากผู้ผลิตยาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในช่วงนี้ คือ การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อให้เกิดการต่อต้านการรับวัคซีน    โควิด-19 เช่นกัน

ระบบงานทางด้าน สาธารณสุข

จากรายงานล่าสุดของ Positive Technology บริษัททางด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เปิดเผยว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ปี 2020 นี้ การโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบงานทางด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่เกิดจากการใช้มัลแวร์ที่ชื่อว่า Ransomware และเกิดขึ้นโรงพยาบาลในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเรียกค่าไถ่จากการใช้ Ransomware เข้าถึงระบบงานของโรงพยาบาลอย่างไม่ถูกต้องจำนวน 6 แห่ง แต่ละแห่งถูกเรียกค่าไถ่ไม่น้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30 ล้านบาท ที่ส่งผลทำให้การรักษาบางส่วนของโรงพยาบาลจะต้องถูกยกเลิก

หากคุณไม่อยากพลาดข่าวคอมพิวเตอร์ และNuro บริษัทสตาร์ทอัพเตรียมเปิดให้บริการรถจัดสินค้าแบบไร้คนขับ อย่าลืมติดตามกันได้ที่ mambodocman.com