Huawei บริษัทสื่อสารขนาดใหญ่ของประเทศจีน ได้ถูกอดีตผู้จัดการด้านการสื่อสารในยุโรปของ Huawei เปิดเผยต่อสาธารณะว่า Huawei มีการพัฒนาระบบตรวจสอบการจดจำใบหน้าและตรวจสอบใบหน้าของชาวอุยกูร์ ซึ่งสอดคล้องกับหน่วยงาน IPVM ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้นำเอกสารภาษาจีนมาเปิดเผย ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของ Huawei และ Megvii ในการจัดหาระบบงานสำหรับการตรวจสอบดด้วยการจดจำใบหน้า โดยใช้โซลูชั่นคลาวด์วิดีโอของ Huawei ซึ่ง Huawei จะเตรียมเซิร์ฟเวอร์สำหรับจัดเก็บข้อมูลอุปกรณ์เครือข่ายแพลตฟอร์มคลาวด์ FusionSphere กล้อง ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์

Huawei โดนตรวจสอบเรื่องของการจดจำใบหน้าและตรวจสอบใบหน้าของชาวอุยกูร์
ในขณะที่ Megvii จัดหาระบบจดจำใบหน้าแบบไดนามิก ที่ Huawei ได้ทดสอบแล้วพบว่าสามารถทดสอบและแจ้งเตือนเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ได้ ทั้งนี้ IPVM ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า Megvii จะมีฟังก์ชั่นที่สามารถระบุชาติพันธุ์ได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์คุณลักษณะใบหน้านั่นเอง นอกจากนี้แล้วสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มชื่อ Megvii ให้อยู่ในบัญชีที่ห้ามทำทางการในปี 2019
เนื่องจากมีความกังวลต่อการใช้เทคโนโลยีของประเทศจีน เพื่อดำเนินการปรามปรามและกักขัง จากการตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง อีกทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาของประเทศอังกฤษได้มีจดหมายแจ้งให้ Huawei ทราบถึงความกังวลของทางการประเทศอังกฤษที่มีต่อเรื่องที่ Huawei อาจจะมีการสนับสนุนโครงการปราบปรามชาติพันธุ์กับชาวอุยกูร์

ทั้งนี้ Huawei และ Megvii ได้ปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยชี้แจงว่า Huawei เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่จัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับการเชื่อมต่อโครงข่ายการสื่อสารเท่านั้น ซึ่งเป็นการดำเนินที่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ยอมรับกันทั่วไป นอกจากนี้ Huawei ยังได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามระบบจริยธรรมและการกำกับดูแลเกี่ยวกับเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะไม่มีการพัฒนาหรือให้บริการระบบที่จะใช้ระบุลักษณะของบุคคลตามชาติพันธุ์ หรือใช้เทคโนโลยีเพื่อเลือกปฏิบัติและกดขี่ข่มเหงต่อกัน
ในส่วนของ Megvii ก็ได้ปฏิเสธในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเปิดเผยว่าระบบงานที่ Megvii พัฒนาขึ้นมานั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อระบุตัวตนของกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆ ที่มีอยู่ ในขณะที่รัฐบาลประเทศจีนได้ปฏิเสธเช่นกันในเรื่องของการจัดทำ “ค่ายการศึกษาแห่งใหม่” ที่เชื่อว่ากันว่าเป็นค่ายกักขังขาวอุยกูร์ที่อยู่ในประเทศจีน มีเพียงการเปิดเผยว่าค่ายที่รัฐบาลจีนจัดตั้งขึ้นนั้น ออกแบบมาเพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น และเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาบุคคลเพื่อสร้างโอกาสในการจ้างงานให้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง
หากคุณไม่อยากพลาดข่าวคอมพิวเตอร์ และOfcom มีอำนาจควบคุมผู้ให้บริการออนไลน์ตามมาตรการ Online Harms Bill อย่าลืมติดตามกันได้ที่ mambodocman.com